“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญระดับโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก จัดแสดงร่องรอยการตั้งถิ่นฐานและอารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี”
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง (Ban Chiang National Museum) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบเกี่ยวกับ วัฒนธรรมบ้านเชียง ซึ่งเป็นอารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกินพื้นที่ครอบคลุมบริเวณหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย หลักฐานที่พบแสดงให้เห็นถึงความเจริญทางด้านสังคม เทคโนโลยี และศิลปะของชุมชนโบราณแห่งนี้เมื่อ 5,000 กว่าปีที่แล้ว
องค์ประกอบหลักของพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็นสองส่วนหลักเพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง:
ส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ (อาคารหลัก)
อาคารจัดแสดงนี้เป็นที่เก็บรักษาและนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นห้องจัดแสดงตามลำดับวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี:
-
ประวัติการค้นพบ: จัดแสดงจุดเริ่มต้นของการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่โดย สตีเฟน ยัง (Stephen Young) ในปี พ.ศ. 2503 และความสำคัญของการขุดค้นในเวลาต่อมาที่นำไปสู่การเป็นแหล่งมรดกโลก
-
สภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต: นำเสนอภาพรวมของสภาพภูมิศาสตร์ ดินฟ้าอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งหล่อหลอมให้เกิดเป็นชุมชนบ้านเชียง
-
วิวัฒนาการทางวัฒนธรรม: เป็นส่วนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของวัฒนธรรมบ้านเชียงตลอดช่วง 3 สมัยหลัก ตามการจำแนกอายุของโบราณวัตถุ:
-
สมัยต้น (Early Period): โดดเด่นด้วยเครื่องมือหินขัดและเครื่องปั้นดินเผาแบบผิวเรียบสีดำ เนื้อหยาบ แสดงถึงการเริ่มต้นของสังคมเกษตรกรรม
-
สมัยกลาง (Middle Period): เริ่มมีการใช้ โลหะสำริด อย่างแพร่หลาย และพบเครื่องปั้นดินเผาลายขีดเชือกและภาชนะรูปทรงแปลกตา แสดงถึงการขยายตัวของเทคโนโลยี
-
สมัยปลาย (Late Period): เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด พบหลักฐานการใช้ เหล็ก และที่โดดเด่นที่สุดคือ ภาชนะดินเผาลายเขียนสีแดงบนพื้นสีนวล ที่มีรูปแบบสวยงามประณีต ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเชียง
-
-
การจัดแสดงโบราณวัตถุ: มีการนำโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ เช่น ขวานสำริด หอกเหล็ก กำไลเปลือกหอย ลูกปัดแก้ว และเครื่องประดับอื่นๆ มาจัดแสดง เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อ ฐานะทางสังคม และความสามารถทางหัตถกรรมของคนในยุคนั้น
ส่วนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (วัดโพธิ์ศรีใน)
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ วัดโพธิ์ศรีใน ห่างจากอาคารหลักไปเล็กน้อย เป็นจุดที่ทำให้บ้านเชียงมีความพิเศษและเป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิด:
-
หลุมขุดค้นจริง: นักท่องเที่ยวจะได้ชม หลุมขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงสภาพเดิม ตามที่ขุดพบจริง มีการสร้างอาคารครอบคลุมเพื่อป้องกันความเสียหาย
-
หลักฐานการฝังศพ: ภายในหลุมขุดค้นจะเห็นชั้นดินที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน พร้อมกับ โครงกระดูกมนุษย์ ที่ถูกฝังตามประเพณีโบราณ โดยมีภาชนะดินเผาและเครื่องใช้ต่างๆ ถูกวางเรียงรายรอบศพ (เครื่องอุทิศ)
-
การจัดเรียงโบราณวัตถุ: การจัดเรียงศพและเครื่องใช้เหล่านี้ตามชั้นดินช่วยให้นักโบราณคดีสามารถกำหนดอายุของวัฒนธรรมและเข้าใจพัฒนาการด้านพิธีกรรมความเชื่อได้อย่างชัดเจน
Cómo llegar
-
รถยนต์ส่วนตัว: จากตัวเมืองอุดรธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 22 (สายอุดรธานี - สกลนคร) ประมาณ 50 กิโลเมตร เมื่อถึงบ้านปูลู ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2225 ไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร
-
รถโดยสารประจำทาง: มีรถประจำทางจากสถานีขนส่งอุดรธานีไปอำเภอหนองหาน หรือรถประจำทางสายอุดรธานี-สกลนคร ลงที่ปากทางเข้าบ้านเชียง แล้วต่อรถรับจ้างเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์
Viajes
-
ควรเข้าชม ส่วนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (วัดโพธิ์ศรีใน) ก่อน เพื่อทำความเข้าใจสภาพการขุดค้นจริง จากนั้นจึงไปชม ส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ เพื่อดูรายละเอียดวัตถุจัดแสดงและประวัติความเป็นมา
-
ใช้เวลาในการเยี่ยมชมประมาณ 2-3 ชั่วโมง
-
พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในร่ม ยกเว้นหลุมขุดค้นกลางแจ้ง ควรเตรียมร่มหรือหมวกหากเป็นช่วงกลางวัน
ค่าเข้าชม
- ชาวไทย: 30 บาท
-
ชาวต่างชาติ: 200 บาท
เวลาเปิดปิดทำการ
- เปิดทำการในวันพุธ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. และปิดทำการในวันจันทร์และวันอังคาร